PRP HAIR

การฉีด PRP เพื่อช่วยแก้ปัญหาผมบาง จึงเป็นนวัตกรรมทางเลือกหนึ่งที่ช่วยบรรเทาปัญหาผมร่วง ศีรษะล้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย
 

การทำ PRP Hair Therapy 
เป็นการนำ PRP (Platelet Rich Plasma) ของตัวเองมากระตุ้นให้เซลล์รากผมมีความแข็งแรง โดยแพทย์จะนำเลือดมาปั่นแยก และคัดเฉพาะพลาสม่าที่มีเกล็ดเลือด และ Growth factor เข้มข้น ซึ่งเป็นสาร



ธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นเซลล์ให้เกิดการซ่อมแซม ลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ทำให้เซลล์รากผมแข็งแรง ชะลอการผมร่วง และผมที่ขึ้นใหม่ดก หนา 

 

ข้อจำกัดการทำรักษาผมร่วง ผมบางด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น

              1. กลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยติดเชื้อ หรือผู้ที่มีโรคผิวหนังบางประเภท
              2. ผู้ที่รับประทานยาสลายลิ่มเลือดหรือยาต้านเกล็ดเลือด
              3. ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง
              4. ผู้ที่มีความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด
              5. ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
              6. มีผื่น หรือมีการติดเชื้อในบริเวณที่จะฉีด

การเตรียมตัวก่อนทำ

1. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย ชั่วโมงเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม

2. ดื่มน้ำสะอาด ประมาณ 1.5 – 2 ลิตร

3. งดอาหารที่มีไขมันสูง

4. งดสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์อย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนเข้ารับบริการ

5. ควรสระผมก่อนเข้ารับบริการ และไม่ควรใส่เจล น้ำมัน สเปรย์ จัดแต่งทรงผมในวันที่เข้ารับบริการ

การดูแลหลังทำรักษาผมร่วง ผมบางด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น

              1. งดสระผม ใส่เจล สเปรย์ น้ำมันจัดแต่งทรงผม 4 - 6 ชั่วโมงแรกหลังทำ 
              2. งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1 วัน
              3. หลีกเลี่ยงการรับประทานยาประเภทแอสไพริน (Aspirin) และไอบูโพรเฟ่น(Ibuprofen) ประมาณ 2 - 3 วัน

ผลลัพธ์ที่ได้จากการรักษาผมร่วง ผมบางด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น

  • ชะลออาการผมร่วง  
  • บำรุงเซลล์รากผมให้แข็งแรง  
  • กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม  

โดยทั่วไปแล้วการรักษาเกล็ดเลือดเข้มข้นนับเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แทบจะไม่มีอาการข้างเคียงใดๆที่เป็นอันตรายเลย เนื่องจากไม่ใช่สารสังเคราะห์ แต่เป็นเกล็ดเลือดที่สกัดมาจากเลือดของผู้รับบริการ โดยในช่วงแรกที่ฉีดเข้าผิวหนังบริเวณดังกล่าวจะรู้สึกอุ่นๆ แต่อาการดังกล่าวจะหายไปภายใน 10 – 15 นาที ในบางรายอาจจะมีอาการบวมช้ำ หรือฟกข้ำเล็กน้อย โดยอาการบวมจะหายประมาณ 2 - 3 วัน และอาการฟกช้ำจะหายภายใน 2 สัปดาห์ โดยการรักษานี้เป็นเพียงเพื่อการบรรเทาอาการ และฟื้นฟูเนื้อเยื่อเท่านั้น ผลของการรักษาก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ความหนักเบาของอาการ รวมถึงการดูแลตัวเองหลังการรักษา

 

PRP Hair Therapy จึงเป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะมีประสิทธิภาพสูง ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีรอยแผล เห็นผลได้อย่างชัดเจน เนื่องจากเป็นการใช้เกล็ดเลือดจากร่างกายตนเอง จึงมีความปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ซึ่งผลการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล



Visitors: 37,747