PRP Face

PRP คืออะไร? นวัตกรรมใหม่ เปลี่ยนผิวโทรมให้สวยใส ในเวลาเร่งด่วน 


PRP (Platelet Rich Plasma) หรือเกล็ดเลือดในร่างกายของเรานั้น รู้หรือไม่ว่า? มันมีบทบาท หน้าที่สำคัญที่ช่วยในด้านการรักษา และซ่อมแซมส่วนต่างๆ ร่างกาย ได้มีประสิทธิภาพมากอีกวิธีหนึ่งเลยนะ! รวมถึงนำมาใช้ในกลุ่มของความสวยความงาม ศัลยกรรมใบหน้า เพื่อช่วยในการฟื้นฟูผิว ลดริ้วรอย ลดใต้ตาคล้ำ กระตุ้นคอลลาเจน ฉีดหน้าใส ซึ่งในวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ PRP กันให้มากขึ้น ไปดูกันว่าสิ่งนี้จะมาช่วยทำให้ผิวที่เสื่อมโทรมกลับมาเป็นผิวที่สวยใสได้อย่างไร? และได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการทำเลเซอร์ หรือลดปัญหาผิวได้จริงหรือ? เราจะพาไปหาคำตอบกัน

ส่วนประกอบของเลือดในร่างกาย

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ส่วนประกอบของเลือดในร่างกายของเรานั้น ประกอบไปด้วยเซลล์หลักๆ 3 ชนิด ซึ่งแต่ละเซลล์จะมีบทบาทหน้าที่แตกต่างกันไป ได้แก่

  1. น้ำเลือด หรือ พลาสมา (Plasma) มีลักษณะเป็นของเหลวสีเหลือง
  2. เซลล์เม็ดเลือด มี 2 แบบ คือ เซลล์เม็ดเลือดแดง และ เซลล์เม็ดเลือดขาว
  3. เกล็ดเลือด หรือ platelet หรือเรียกสั้นว่า PRP ทำหน้าที่ห้ามเลือด ช่วยให้เลือดแข็งตัวเมื่อเกิดบาดแผล

PRP คืออะไร? และสำคัญอย่างไร?

Platelet Rich Plasma (PRP) คือเกล็ดเลือดชนิดหนึ่ง ที่มีความเข้มข้นมากกว่าเกล็ดเลือดในกระแสเลือดทั่วๆ ไปอย่างน้อย 5 เท่า ซึ่งเกล็ดเลือดยิ่งมีความเข้มข้นสูงมากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพในการรักษาจะเห็นผลชัดเจนและรวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น

ในทางการแพทย์ได้มีการศึกษาและพบว่า เกล็ดเลือดนั้นมีความสำคัญและมีประโยชน์เป็นอย่างมาก ซึ่งในเกล็ดเลือดนั้นจะประกอบไปด้วยสารต่างๆ ที่ช่วยในเรื่องการแข็งตัวของเลือด และมี Growth Factor มากมายหลายชนิด ซึ่งมีส่วนสำคัญที่จะช่วยซ่อมแซม สร้างและส่งเสริมการสร้างเส้นเลือด กระตุ้นการเจริญเติบโต และความแข็งแรงของเซลล์ผิวหนัง กระดูก คอลลาเจน รวมถึงช่วยให้แผลสมานได้เร็วขึ้น ดังนั้น นวัตกรรมทางการแพทย์ในปัจจุบัน จึงนิยมนำ PRP (Platelet) มาใช้ในการรักษาด้านต่างๆ เนื่องจากเป็นทางเลือกทีมีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัย เพราะเป็นเลือดของคนไข้เอง

Platelet ที่มีความเข้มข้นตามมาตรฐานนั้น จะได้จากการเลือดของคนไข้เอง โดยการเจาะเลือดและนำไปผสมกับสารกันเลือดแข็ง จากนั้นเข้าสู่กระบวนปั่นด้วยความเร็วรอบที่เหมาะสม จนเกิดการตกตะกอน หลังการปั่นจนเกิดการตกตะกอน เลือดในหลอดจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ชั้น คือ

  • เลือดสีแดง อยู่ชั้นล่างสุด
  • เลือดสีเหลือง หรือ พลาสม่า อยู่ชั้นบนสุดของหลอด
  • บับฟี่ โค้ด (buffy coat) หรือ WBC (White blood cell & Platelets) เป็นสารตัวสำคัญที่คั่นกลางระหว่างเลือดแดงและเลือดเหลือง จะมีความเข้มข้นสูงที่สุด ซึ่งตัวนี้แพทย์จะนำมาทำการรักษาในคนไข้นั่นเอง

Visitors: 40,522