การหย่อนสมรรถภาพทางเพศหรือการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (ERECTILE DYSFUNCTION)

                         Clever Clinicคลินิกเฉพาะทางเพศชาย เซ็กเสื่อมรักษาได้ ปรึกษาหมกิตต์

มีแนวทางการแก้ไขให่เหมาะสมแต่ล่ะคนครับ

 

                   เริ่มตั้งแต่ ผู้ชายเสื่อมสมรรถภาพ อายุเท่าไหร่ ยาอะไรทําให้เสื่อมสมรรถภาพ เสื่อมสมรรถภาพ ชายเกิดจากอะไร และยารักษาโรคเสื่อมสมรรถภาพ ของผู้ชายมีจริงๆหรือป่าว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่สำหรับหลายครอบครัว เพราะภรรยาคงไม่ปลื้มแน่ที่สามี เสื่อมสมรรถภาพ

การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction) หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่ากามตายด้านนั้น คือภาวะที่อวัยวะเพศชายไม่สามารถแข็งตัวได้สมบูรณ์ในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ อาการนี้อาจเกิดขึ้นกับผู้ชายในช่วงวัยใดก็ได้ แต่ก็มักจะพบมากขึ้นตามอายุทิ่เพิ่มขึ้น ผู้ป่วยบางรายอาจจะไม่แข็งตัว หรือแข็งตัวไม่นานพอ บางรายมีอาการหลั่งเร็ว หลั่งไว

สาเหตุส่วนใหญ่ของอาการเหล่านี้เกิดจากการที่เลือดไปเลี้ยงที่อวัยวะเพศไม่เพียงพอ ปัจจุบันพบผู้ที่มีโอกาสป่วยด้วยอาการนี้สูงกว่าในอดีตที่ผ่านมาถึง 3 เท่า เนื่องจากการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้เพศชายเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศสูงขึ้น

ลักษณะอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

ลักษณะทางกายภาพขององคชาต องคชาต (Urethra) เป็นอวัยวะทรงกระบอก อยู่บริเวณกึ่งกลางของลำตัว แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนหัวที่มีลักษณะเรียบกลม-ปลายสุดมีรูเปิดของท่อปัสสาวะ ส่วนก้านเป็นส่วนที่ยื่นออกมา และส่วนโคนแนบติดกับลำตัว โคนและก้านขององคชาตจะมีผิวหนังห่อหุ้ม บริเวณส่วนต่อระหว่างหัวและก้านจะห่อหุ้มด้วยผิวหนังคล้ายหมวก เรียกว่า หนังหุ้มปลาย สามารถรูดขึ้นลงไปได้

ส่วนประกอบภายในขององคชาตสามารถขยายและแข็งตัวได้ เนื่องจากประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อทรงกระบอกที่ยืดหดได้ 3 มัดที่สามารถยืด-หดได้และท่อปัสสาวะซ่อนอยู่

การแข็งตัวขององคชาตมีด้วยกัน 3 กลไก ได้แก่


การแข็งตัวเวลานอนหลับ (Nocturnal Erection) เวลานอนหลับองคชาตจะมีการแข็งตัวคืนละประมาณ 4 – 6 ครั้ง ครั้งละ 15 – 30 นาที

การแข็งตัวจากจิตใจ (Psychogenic Erection) เมื่อมีความต้องการทางเพศจากสิ่งเร้าต่าง ๆ ที่มากระตุ้น คำสั่งจะส่งจากสมองมายังแกนสมองส่วนที่เรียกว่า พาราเวนทริคูลาร์นิวเคลียสที่อยู่บริเวณไฮโปทาลามัส จากนั้นคำสั่งจะผ่านไขสันหลังลงมายังศูนย์กลางการแข็งตัวขององคชาตบริเวณไขสันหลังระดับกระดูกก้นกบและผ่านเส้นประสาทคาร์เวอนัส (Cavernous Nerve) ที่มากระตุ้นให้เส้นเลือดในองคชาตมีการขยายตัว เลือดเข้ามาเลี้ยงมากขึ้น ทำให้องคชาตแข็งตัว

การแข็งตัวจากรีเฟล็กซ์ (Reflexogenic Erection) เมื่อมีการกระตุ้นหรือสัมผัสบริเวณองคชาตก็จะมีสัญญาณผ่านจากเส้นประสาทที่องคชาต (Dorsal Nerve) ไปยังศูนย์กลางการแข็งตัวที่ไขสันหลังระดับกระดูกก้นกบและส่งสัญญาณกลับมายังองคชาต (Cavernous Nerve)

เมื่อมีการกระตุ้นทางเพศเกิดขึ้น ที่สำคัญที่สุดจะต้องมีการกระตุ้นผ่านสิ่งเร้าที่สมองส่วนที่เรียกว่า Paraventricular Nucleus (PVN) ซึ่งอยู่ในบริเวณก้านสมองส่วนที่เรียกว่า Hypothalamus เรียกกลไกนี้ว่า การแข็งตัวจากการกระตุ้นทางจิตใจ (Psychogenic Erection) ซึ่งระบบประสาทที่รับการกระตุ้นส่วนใหญ่จะเป็นชนิด Dopamine Receptor ชนิดที่ 2

จากนั้นคำสั่งจะผ่านมาทางไขสันหลังจนถึงไขสันหลังบริเวณก้นกบที่ระดับ 2 – 4 ซึ่งจะรวมกันเป็นปมประสาทที่เรียกว่า Sacral Plexus และแตกแขนงเป็นเส้นประสาท Cavernous (Cavernous Nerve) ไปยังองคชาต ทำให้มีการพองตัวของเส้นเลือดที่เป็นร่างแหคล้าย ๆ ฟองน้ำนี้เต็มที่ ก็จะกดเส้นเลือดดำที่ไหลออกจากองคชาต ทำให้เลือดไหลออกจากองคชาตได้น้อยมาก องคชาตก็จะแข็งตัวเต็มที่

ลักษณะอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศแบ่งออกเป็น 3 แบบ ดังนี้

แบบปฐมภูมิ คือการที่องคชาตไม่เคยแข็งตัวเต็มที่ หรือไม่แข็งพอที่จะทำให้ร่วมเพศสำเร็จเลย

แบบทุติยภูมิ คือการที่องคชาตเคยแข็งตัวและร่วมเพศได้มาก่อน แต่ต่อมาเกิดความผิดปกติขึ้น ทำให้ไม่สามารถแข็งตัวเหมือนเดิม

แบบชั่วคราว คือการที่อวัยวะเพศไม่แข็งตัวเป็นครั้งคราว ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอยู่ในกรณีนี้ หากพบปัญหาและรีบรักษาแต่เนิ่นๆ สามารถหายเป็นปกติได้ ผู้ชายส่วนใหญ่เมื่อถึงวัยกลางคนจะเริ่มมีปัญหากามตายด้าน เกิดขึ้นร้อยละ 37 ของผู้ชายอายุ 40-70 ปี เป็นโรคนี้ โดยมีอาการดังกล่าวอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งหมด ยิ่งอายุมากขึ้นจะยิ่งพบผู้ป่วยมากขึ้นไปตามวัย เพราะฮอร์โมนเพศลดลงพร้อมๆ กับความเสื่อมของร่างกาย

โดยสามารถจัดระดับความรุนแรงได้ ดังนี้

-ระดับความรุนแรงน้อย ในระดับนี้สามารถสังเกตได้จากเวลาที่ต้องการมีเพศสัมพันธ์จะสามารถสำเร็จได้เกือบทุกครั้ง
-ระดับความรุนแรงปานกลาง หากมีเพศสัมพันธ์จะสำเร็จได้ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนครั้งในการร่วมเพศ
-ระดับความรุนแรงมาก ล้มเหลวทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

สาเหตุของการเกิดโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ แบ่งได้เป็น 4 สาเหตุ

1. ความผิดปกติที่เส้นเลือดในอวัยวะเพศ พบได้ประมาณ ร้อยละ 70 ของผู้ป่วย และเป็นสาเหตุหลักในการเกิดโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ

  •  เส้นเลือดแดงที่เข้าไปเลี้ยงอวัยวะเพศอุดตัน ทำให้เลือดเข้าไปเลี้ยงอวัยวะเพศได้ไม่เพียงพอ
  • ความผิดปกติกลไกของการกดทับเส้นเลือดดำ ทำให้เลือดไม่สามารถกักเก็บในอวัยวะเพศได้
  • มีความผิดปกติร่วมกันระหว่างเส้นเลือดแดงอุดตัน และกลไกการกดทับเล้นเลือดดำผิดปกติ

2. ความผิดปกติที่ระบบประสาท ผู้ป่วยอาจจะมีความผิดปกติได้ตั้งแต่ระดับสมอง ไขสันหลัง เส้นประสาทในอุ้งเชิงกราน เส้นประสาทที่อวัยวะเพศ เป็นต้น

3. ความผิดปกติของภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ผู้ป่วยที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย อาจจะมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ความรู้สึกทางเพศลดลง ความต้องการทางเพศลดลง อวัยวะเพศแข็งตัวลดลงโดยเฉพาะในตอนเช้า รู้สึกไม่มีแรง อ่อนเพลีย ความตั้งใจในการทำงานลดลง หรืออาจจะพบได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนสูงหรือต่ำกว่าปกติ

4. ความผิดปกติของภาวะทางจิตใจ ในอดีตมีความเชื่อว่า 90% ของผู้ป่วยที่มีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศเกิดจากภาวะทางจิตใจ แต่ปัจจุบันพบว่า เกิดจากโรคทางกายมากกว่าโรคทางจิตใจ แต่ภาวะทางจิตใจที่ส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศ สามารถพบได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะความเครียด โรคซึมเศร้า โรคจิตเภท หรืออาจจะเกิดจากยาทางด้านจิตเวชได้เช่นเดียวกัน

5. สาเหตุจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เครื่องดื่มแอลกอฮอล์: คุณผู้ชายหลายๆ ท่านอาจจะชอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อสร้างบรรยากาศ หรือเพื่อทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ แต่อาจทำให้คุณทำกิจกรรมทางเพศได้ยากขึ้น เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินไป อาจรบกวนการแข็งตัวของอวัยวะเพศชั่วคราว

ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง: การทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือเล่นกีฬากลางแจ้งอยู่เสมอ อาจทำให้อ่อนล้า อ่อนเพลีย รู้สึกเหนื่อยล้าในตอนกลางคืนได้

สูบบุหรี่: การสูบบุหรี่จะไปยับยั้งการไหลเวียนของเลือด ทำให้หลอดเลือดเสียหาย หรือจำกัดการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศ ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพเรื้อรังที่นำไปสู่ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ

ติดเกม: นั่งอยู่แต่หน้าจอเป็นเวลานาน: ส่งผลให้ร่างกายไม่แข็งแรง ไร้ความสดชื่น หมดความกระปรี้กระเปร่า เหนื่อยล้า ง่วงง่าย จึงไม่แปลกที่นำไปสู่ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ การนอนไม่สมบูรณ์: อาจเกิดจากปัญหาการนอน รวมไปถึงการใช้ชีวิตแบบไม่หลับไม่นอน ออกเที่ยว ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนเพลีย

รับประทานอาหารไม่มีประโยชน์: หนุ่มท่านใดที่นิยมรับประทานอาหารขยะเพราะขี้เกียจหาอะไรทาน ง่ายสุดคือสั่งอาหารขยะส่งตรงถึงหน้าบ้าน แต่คุณรู้หรือไม่ว่าอาหารเหล่านี้มีปริมาณไขมันที่มากเกินไป ส่งผลให้เกิดโรคอ้วน ไขมันอุดตันจนหลอดเลือดตีบ ทำให้ไม่สามารถลำเลียงเลือดแดงไปเลี้ยงน้องชายคุณได้

การตรวจและการวินิจฉัย แพทย์จะทำการซักประวัติเรื่องลักษณะการมีเพศสัมพันธ์ การเจ็บป่วย ผ่าตัดในอดีต โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่เป็นประจำ และทำการตรวจร่างกาย เพื่อประเมินความผิดปกติที่อวัยวะเพศ ขนาดของลูกอัณฑะ และตรวจดูต่อมลูกหมากในบางราย จากนั้นแพทย์จะทำการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการที่เหมาะสม เพื่อดูโรคประจำตัวที่อาจส่งผลให้เกิดโรค เช่น น้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด การทำงานของตับและไต ตรวจคัดกรองหามะเร็งต่อมลูกหมาก และตรวจหาระดับฮอร์โมนเพศชาย ในผู้ป่วยที่มีความต้องการทางเพศลดลงด้วย

นอกจากนี้แพทย์อาจทำการตรวจเพิ่มเติม โดยส่งตรวจอัลตราซาวน์เพื่อหาความผิดปกติในเส้นเลือดของอวัยวะเพศ (Penile Doppler Ultrasound) ซึ่งจะตรวจในผู้ป่วยบางกรณีที่มีปัญหาขั้นรุนแรง โดยเป็นการตรวจวัดการทำงานของเส้นเลือดแดง และเส้นเลือดดำในอวัยวะเพศ เพื่อหาสาเหตุและทางเลือกในการรักษาอื่นๆ

การรักษา เริ่มด้วยการที่ต้องรักษาโรคประจำตัว เช่น ควบคุมน้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด และความดันโลหิต งดสูบบุหรี่ งดดื่มสุรา นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการลดน้ำหนัก ปรับเปลี่ยนยาบางตัวที่มีผลต่อภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ถ้าผู้ป่วยมีความผิดปกติทางภาวะจิตใจ ให้ผู้ป่วยไปพบจิตแพทย์ ในผู้ป่วยที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ให้รักษาโดยการให้ฮอร์โมนเพศชายทดแทน

1. การรักษาโดยการใช้ยา โดยการใช้ยาในกลุ่ม PDE-5 Inhibitor เช่น Viagra, Levitra, Cialis โดยจะต้องรับประทานก่อนมีเพศสัมพันธ์ ประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง ซึ่งยาในกลุ่มนี้จะไม่สามารถใช้ร่วมกับยาในกลุ่ม Nitrate ได้ และยาในกลุ่มนี้ผลข้างเคียง เช่น ใจสั่น ปวดศรีษะ เห็นแสงวูบวาบ คัดจมูก เป็นต้น

2. การใช้กระบอกสุญญากาศ (Vacuum device) โดยการใช้กระบอกสุญญากาศครอบที่อวัยวะเพศ หลังจากนั้นก็สูบอากาศออกจากท่อ ทำให้เลือดเข้าไปในอวัยวะเพศจนอวัยวะเพศแข็งตัวได้ดี หลังจากนั้นจึงใช้ยางรัดเพื่อไม่ให้เลือดไหลออก

3. การใช้คลื่นเสียงความถี่ต่ำ (Shockwave therapy) เป็นการใช้คลื่นเสียงความถี่ต่ำกระแทกในเนื้อเยื่อของอวัยวะเพศ เป็นเทคโนโลยีและทางเลือกใหม่ที่ช่วยให้เกิดการสร้างเส้นเลือดใหม่ขึ้นในอวัยวะเพศ ทำให้เกิดการฟื้นฟูและรักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ วิธีการคือ ใช้คลื่นเสียงความถี่ต่ำแบบแรงกระแทกจากภายนอกไปบนอวัยวะเพศ ให้ได้รับการรักษาดังกล่าว 1 ครั้ง/สัปดาห์ เป็นเวลาติดต่อกัน 5 สัปดาห์ พบว่าช่วยให้มีการสร้างเส้นเลือดใหม่ขึ้นในอวัยวะเพศ

ทำให้เกิดการแข็งตัวของอวัยวะเพศได้ดีขึ้น ใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญหาเลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศไม่เพียงพอ เช่น ในผู้ป่วยเบาหวานที่มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือในผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อการทานยาเพื่อการแข็งตัวของอวัยวะเพศ แล้วไม่ต้องการทานยาประจำ ในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีนี้พบว่าไม่มีอาการปวดขณะที่ทำ และไม่พบผลข้างเคียงในระหว่างและหลังการรักษาแต่อย่างใด

4. การรักษาโดยการใช้ยาฉีด เป็นการใช้ยาฉีดเข้าไปในอวัยวะเพศโดยตรง ก่อนมีเพศสัมพันธ์ 5-10 นาที มีประสิทธิภาพประมาณ 70 % เป็นกลุ่มยาพวก prostaglandin E1 ซึ่งสามารถทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งวิธีการใช้ต้องอยู่ในความดุแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

5. การรักษาโดยการผ่าตัด เป็นทางเลือกสุดท้ายในการรักษาผู้ป่วยหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เป็นการผ่าตัดใส่แกนอวัยวะเพศเทียมเข้าไปในอวัยวะเพศโดยตรง ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า 90% โดยใช้ในกรณีที่รักษาโดยวิธีการอื่นๆที่กล่าวมา แล้วไม่ได้ผล วิธีการผ่าตัดผ่านกล้องช่วยให้บาดแผลเล็ก เจ็บน้อย และฟื้นตัวเร็ว”

การผ่าตัดส่องกล้อง (Minimally Invasive Surgery) คืออะไร? การผ่าตัดส่องกล้อง หรือการศัลยกรรมผ่าตัดผ่านกล้อง (Minimally Invasive Surgery) เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ที่ช่วยแผลผ่าตัดมีขนาดเล็กลง ลดอาการเจ็บแผล และใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิดแผล ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้น

กระบวนการและขั้นตอนการผ่าตัด โดยสังเขป ศัลยแพทย์จะทำการเจาะรู้ขนาดเล็ก ประมาณ 5-10 มิลลิลิตร ผ่านช่องท้อง หรือผิวหนังใกล้บริเวณอวัยวะที่ต้องการผ่าตัด จำนวน 1-4 รู้ ขึ้นอยู่กับโรคที่ต้องการรักษา เพื่อสอดท่อที่มีไฟฉายและกล้องขนาดเล็กที่สามารถบันทึกภาพอวัยวะภายในของผู้ป่วยอย่างชัดเจน และส่งมายังจอมอนิเตอร์ เพื่อให้ศัลยแพทย์มองเห็นบริเวณที่ต้องการผ่าตัดได้ชัดเจน ทำให้ผลที่ได้หลังการผ่าตัดมีความเที่ยงตรงและแม่นยำ

ข้อดีและข้อจำกัดของการผ่าตัดด้วยวิธีส่องกล้อง

ข้อดีของการผ่าตัดส่องกล้อง

-แผลเล็ก – แผลเป็นเล็กกว่าวิธีการผ่าตัดแบบเปิดแผลกว้างอย่างเห็นได้ชัด
-เจ็บน้อย – หลังผ่าตัดผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บแผลน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิดแผลกว้าง
-ฟื้นตัวเร็ว– เนื่องจากเนื้อเยื่อได้รับความบาดเจ็บน้อยกว่า แผลผ่าตัดเล็ก เกิดพังผืดน้อย และลดโอกาสการเกิดแผลติดเชื้อได้มาก ทำให้ร่างกายสามารถฟื้นตัวได้เร็ว
-ค่าใช้จ่ายในการพักฟื้นที่โรงพยาบาลไม่สูงมาก เนื่องจากใช้เวลาพักฟื้นระยะสั้น

ข้อจำกัดหรือข้อเสียของการผ่าตัดส่องกล้อง

-ค่าใช้จ่ายในการศัลยกรรมผ่าตัดด้วยวิธีส่องกล้องค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ
-ผู้ป่วยในบางภาวะไม่สามารถใช้วิธีการผ่าตัดแบบส่องกล้องได้ เช่น ผู้ป่วยที่มีโรคปอดและหัวใจขั้นรุนแรง คนที่เคยผ่าตัดและมีพังผืดในท้องมากๆ
-แพทย์และทีมงานจะต้องที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคการผ่าตัดด้วยกล้องโดยเฉพาะ

ทำอย่างไรให้สมรรถภาพทางเพศไม่เสื่อมเร็ว

  •           หลีกเลี่ยงเหตุปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะเหล้า บุหรี่ และอาหารไขมันสูง
  •          ควบคุมโรคที่เป็นอยู่แต่เนิ่น ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น
  •          บำรุงร่างกาย และจิตใจให้ผ่องใส แข็งแรง ลดความเครียด หาวิธีกำจัดความเครียดที่ได้ผลกับตนเอง เช่น ร้องเพลง เต้นรำ อ่านหนังสือ ท่องเที่ยว   เข้าสปา นั่งสมาธิ ออกกำลังกาย ฯลฯ
  •          ออกกำลังกาย รับประทานอาหารให้ครบหมู่ เน้นผัก ผลไม้ และธัญพืช พักผ่อนให้เพียงพอ มีเวลาดูแลตนเอง ได้ทำงานอดิเรกที่ชอบทำชีวิตให้มีคุณค่า
  •          เปลี่ยนบรรยากาศในการมีเพศสัมพันธ์บ้าง เช่น เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนท่าที่จำเจ
  •          มีสัมพันธภาพที่ดีกับคู่ครองหรือคนรัก เอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้จักรับฟัง พูดคุยปรึกษาหารือกันเป็นประจำ ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน
  •          พบแพทย์ หากไม่สามารถแก้ปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ด้วยตนเอง เพื่อตรวจหาสาเหตุ และข้อแก้ไขต่อไป

 

Visitors: 40,536